อาชีพเสริม กับ หน้าที่ 5 ประการของชีวิต
อาชีพเสริม กับ หน้าที่ 5 ประการของชีวิต
1. หน้าที่ต่อการงาน
หมายความว่า เรากำลังทำอะไรอยู่ มีอาชีพอะไร มีสถานะเป็นอะไร หรือใครในสังคม สิ่งที่เราทำนั้นส่งผลกระทบกับผู้คนมากน้อยแค่ไหน เราเรียนหนังสืออยู่ ทำงานอยู่ หรือรับผิดชอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดอยู่ ตรงนี้เราทำได้ดีหรือยัง มีความซื่อสัตย์แล้วหรือยังกับตนเอง และองค์กร เราพัฒนาสิ่งนั้นๆ ได้เต็มศักยภาพของมันแล้วหรือยัง ให้เวลาทำ ทดลอง ตรวจสอบ ปรับปรุงสิ่งที่ทำแล้วหรือยัง เรากำลังเป็นคนขี้เกียจ หรือเป็นคนขยันขันแข็ง ความเจริญก้าวหน้าของชีวิต ฐานะความเป็นอยู่ของเราก็ขึ้นอยู่กับตรงนี้ ถ้าใครยังทำไม่ดี ยังทำไม่เต็มที่ ทำแบบครึ่งๆ กลางๆ ก็สมควรจัดการกับสิ่งนี้ก่อนเป็นลำดับต้นๆ
2. หน้าที่ต่อสภาพร่างกายของตนเอง
เราดูแลตัวเองดีแค่ไหน อาหารการกินเป็นอย่างไร ออกกำลังกายบ้างรึเปล่า ตรวจสุขภาพประจำปีบ้างรึเปล่า หรือว่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้เป็นที่สังเวชต่อผู้ที่พบเห็น จริงอยู่คนเรานั้นไม่ได้เกิดมาสวยหล่อทุกคน แต่ทุกคนก็สมควรดูแลให้ร่างกายของตนเองให้อยู่ในสภาพที่น่ามอง เพราะร่างกายเป็นสิ่งที่พ่อแม่ให้มา เราใช้มันเพื่อความก้าวหน้าทางโลก และทางธรรม ทำงานก็ใช้ร่างกาย ปฏิบัติธรรมก็ใช้ร่างกาย ร่างกายจึงเป็นเครื่องมือราคาแพงที่เราสมควรดูรักษาให้ดีที่สุด อย่างน้อยที่สุด เราก็สมควรมีสุขภาพที่แข็งแรงให้ได้ อันที่จริงความมั่นใจภายในนั้นมีส่วนสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับสภาพร่างกายภายนอก ตรงนี้เราอย่าไปหลอกตัวเองว่า ความสวยงามของร่างกายไม่เกี่ยวอะไรกับชีวิต เพราะมันเกี่ยว ตราบใดที่เรายังเป็นมนุษย์ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมมันก็ยังเกี่ยว ดังนั้นจงดูแลร่างกายของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วชีวิตที่ดีอีกหลายๆ ด้านตามมา
3. หน้าที่ต่อจิตวิญญาณของตน
ตรงนี้เป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกวันนี้เรามีความเข้าใจโลกมากแค่ไหน ปล่อยวางกับสิ่งต่างๆ มากแค่ไหน รู้จักความพอดีมากแค่ไหน หรือเป็นคนไม่เข้าใจอะไรเลย ให้อภัยใครไม่เป็นเลย โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอยู่ตลอดเวลา เป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตแม้ว่ามีอายุที่เพิ่มขึ้นทุกปี ในเรื่องของการพัฒนาจิตวิญญาณของตนเองเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มนุษย์เราทุกคนสมควรทำเป็นอันดับหนึ่ง เพราะความเป็นตัวตนของเรานี่เอง ที่จะนำไปสู่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ตรงนี้ขอให้ลองถามตนเองว่า วันๆหนึ่งเราได้ทำอะไรเพื่อพัฒนาจิตวิญญาณของเราบ้าง เราเสียสละบ้างรึเปล่า เราทำบุญบ้างรึเปล่า ช่วยเหลือใครบ้างรึเปล่า บริจาคทรัพย์เพื่อส่วนร่วมบ้างรึเปล่า ฝึกสมาธิบ้างรึเปล่า ฝึกวิปัสสนา ภาวนารู้เห็นตามความเป็นจริงบ้างรึเปล่า ถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็เป็นอันว่า มีความเป็นไปได้ที่เราจะโตแต่ตัว และแก่ลงไปทุกวันโดยที่จิตวิญญาณของเราตกต่ำไปเรื่อยๆ แต่หากทำสิ่งเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นไปได้ว่า เราจะเป็นคนที่พบกับความสุขอย่างง่ายๆ และมีโอกาสประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆไป รวมถึงอาจนำไปสู่การลดทอนภพชาติและไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายเกิดอีกด้วย
4. หน้าที่ต่อผู้คนรอบข้าง
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ลูก สามี ภรรยา หรือเพื่อนฝูง คนเหล่านี้คือบุคคลสำคัญที่คอยประคับประคองชีวิตของเรา เราไม่สามารถเติบโต และมีชีวิตอยู่ได้เพียงลำพัง ทุกคนต้องการเพื่อน ดังนั้นเราจึงต้องทำดีกับคนรอบข้างให้มาก เมื่อเขามีความสุข ความสุขนั้นย่อมสะท้อนกลับมาหาเราเช่นกัน หลายคนมุ่งมั่นทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง จนลืมคนรอบข้าง ทอดทิ้งคนรอบข้างเหมือนสิ่งของที่ไร้ค่า หันกลับมาอีกที ก็ไม่เหลือใครอยู่ในชีวิต ความสำเร็จที่ไม่มีใครร่วมยินดีก็คือสิ่่งไร้ความหมาย มีคนร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมหัวเราะ ร่วมร้องไห้ ชีวิตจึงเป็นชีวิตที่สมบูรณ์อย่างแท้จริง
5. หน้าที่ต่อเพื่อนมนุษย์และโลกที่เราอาศัย
โลกคือบ้านที่เราอาศัยอยู่ เรากิน นอน ขับถ่าย และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ โลกใบนี้ประกอบไปด้วยสิ่งต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็นคน ต้นไม้ สัตว์ หรือก้อนหินดินทราย ถ้าโลกสวยงาม ชีวิตเราก็สวยงาม ถ้าโลกกำลังจะแตก ชีวิตเราก็คงเป็นสุขอยู่ไม่ได้ หน้าที่ของเราที่มีต่อโลก จึงเป็นอีกมิติที่ต้องให้ความสำคัญ และทำให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด น้ำ ไฟ น้ำมัน พื้นที่ และทรัพยากรโลก เราใช้มันอย่างไร การทำเพื่อสังคมควรเป็นเรื่องที่จับต้องได้ ภาษีเราจ่ายอย่างถูกต้องรึเปล่า เวลาเราไปเที่ยวเรารักษาความสะอาดรึเปล่า เวลาเลือกตั้งเราออกไปเลือกตั้งรึเปล่า เห็นขยะตามท้องถนน เราเคยก้มลงไปเก็บบ้างรึเปล่า เรามีน้ำใจไมตรีกับคนแปลกหน้าในสังคมบ้างรึเปล่า ทุกวันนี้มีคนมากมายพูดถึงความรักที่มีต่อชาติบ้านเมือง พูดถึงความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ แต่หากเรายังละเลยต่อเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ คำพูดของเราก็คงเป็นแค่สายลมที่พัดหายไปชั่วพริบตา รักชาติ รักสิ่งแวดล้อม รักเพื่อนมนุษย์ สิ่งเหล่านี้ต้องแสดงออกมาให้ครบทุกมิติทั้งกาย วาจา ใจ ถือเป็นหน้าที่ที่จำเป็นต้องทำทุกวัน ถ้าโลกรอด เราก็รอด ถ้าโลกมีสงคราม มีหรือเราจะนอนหลับสบาย
นิยามความหมายของคำว่าหน้าที่ทั้ง 5 ประการนี้ คงทำให้เรามองเห็นขอบเขตของคำว่า ""หน้าที่"" ได้ชัดขึ้น มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เราไม่สามารถอยู่เพียงลำพัง ในอีกมิติหนึ่ง ความตายก็เป็นความจริงที่ต้องตระหนัก นิยามความหมายของคำว่าหน้าที่จึงควรเป็นสิ่งที่ครอบคลุมทั้งเราและเขา ครอบคลุมทั้งชาตินี้และชาติหน้า ทุกอย่างต้องมีความสมดุลครบในทุกมิติ ไม่หนักหรือเบาในด้านใดด้านหนึ่ง การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก เมื่อมีวาสนาได้เกิดมา จึงสมควรทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด หากบุคคลผู้ใดรับผิดชอบหน้าที่ของตนได้ครบทุกด้านเช่นนี้ ก็เป็นอันว่าเกิดมาทั้งทีไม่เสียชาติเกิด ได้ชื่อว่าเป็นการเกิดที่มีความหมายและมีคุณค่าในตนเอง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น