อาชีพทํารายได้ดี อาชีพทําเงิน ที่น่าสนใจ ทำเค้กใบเตย
มาอีกแล้วค่ะ อาชีพทํารายได้ดี วันนี้เราขอเสนอ อาชีพทําเงิน ที่น่าสนใจ ทำเค้กใบเตยขาย รายได้พิเศษ ใครที่อยากจะทำขายเพื่อหารายได้เพิ่ม หารายได้เสริม ทำเป็นอาชีพเสริมรายได้ของท่านเองอีกช่องทางหนึ่งในการหาเงินในวันว่างๆ หรือช่วงเวลาเลิกงาน เสาร์-อาทิตย์
ทำขายตามตลาดนัด
(คนเราถ้าขยัน สักวันหนึ่งเราก็รวยได้เหมือนกัน
ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ท้อแท้กับชีวิตนะค่ะ สู้ต่อไป)
วันนี้ อาชีพทํารายได้ดี เรามีสูตรการทำเค้กใบเตย มาให้ท่านได้ลองทำกันที่บ้านเลย เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำขนม ไม่ว่าจะเป็น แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา แม่ค้าขายขนม หรือ จะเป็นคุณพ่อบ้านก็ดี ที่สนใจอาชีพทําเงิน อยากจะทำขนมขาย เพื่อหารายได้พิเศษ เพิ่มเติมให้กับครอบครัว
สูตรเค้กที่เรานำมาเสนอ อยากจะบอกว่าอร่อยมาก ทำกินแล้วจะติดใจ หรือ ทำขายก็ขายดีเลยทีเดียว ไม่เชื่อต้องลองดู แล้วคุณจะรู้ว่ามันอร่อยจริงๆ เค้กใบเตยของเราที่นำเสนอนั้น เป็นเค้กที่มีเนื้อเค้กสีเขียว สอดไส้ด้วยคัสตาร์ดหอมๆอร่อยๆเลยทีเดียวและยังล้อมรอบด้วยครีมเนื้อนุ่มๆเอาใจคนที่ชอบเนื้อเค้กนุ่มๆเรามาดูกันว่าสูตรวิธีการทำมีอะไรบางแล้วทำกันยังไงที่บอกว่าอร่อย มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
อาชีพทํารายได้ดี อาชีพทําเงิน ที่น่าสนใจ ทำเค้กใบเตย #Pandan Cake
วิธีการทำเค้กใบเตยสำหรับ ๒ ปอนด์
เวลาที่ใช้ : ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที
ส่วนผสม วัตถุดิบ
๑.ใบเตย ๑๐ ใบ
๒.น้ำเปล่า ๕๐ มล.
๓.น้ำตาลทราย ๗๐ กรัม
๔.ไข่ไก่ ๓ ฟอง
๕.โอวาเล็ต ๑ ช้อนโต๊ะ
๖.กลิ่นวนิลา ๑ ช้อนชา
๗.แป้งเค้ก ๙๐ กรัม
๘.ผงฟู ๑/๒ ช้อนชา
๙.กะทิ ๕๐ มล.
ส่วนผสม วัตถุดิบสำหรับ ครีมคัสตาร์ด
๑.วิปปิ้งครีม ๒๒๕ มล.
๒.กะทิ ๔๕ มล.
เครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำ
๑.ที่ร่อนแป้ง
๒.พิมพ์เค้ก
๓ ปอนด์๓.หัวบีบแต่งหน้าเค้ก
๔.ถุงบีบเค้ก
๕.มีด
๖.เครื่องตีไข่
๗.พายยาง
๘.ที่ปาดหน้าเค้ก
ต่อมาก็จะเป็นวิธีการและขั้นตอนในการทำเริ่มจาก
๑. อุ่นเตาที่อุณหภูมิ ๑๗๕ องศาเซลเซียส
๒. ทุบใบเตยเพื่อเอาน้ำและสีเขียวของใบเตย
๓. บีบผสมลงฝนน้ำเปล่าจะได้น้ำใบเตยสีเขียว
๔. ใส่กะทิลงไปผสม แล้วพักไว้
๕. ร่อนแป้ง และ ผงฟูรวมกัน
๖. ใส่น้ำตาลทรายไข่ไก่และกลิ่นวนิลาใช้พายยางผสมจนทั้งหมดเข้ากันดี
๗. ใส่โอวาเล็ท
๘. ตีด้วยเครื่องตีหัวตะกร้อ ความเร็วสูง ๔-๕นาที
๙. ใส่น้ำใบเตยกะทิที่ทำเสร็จไว้แล้วลงในเครื่องตี
๑๐. ตีต่อด้วยความเร็ว ถึงช้า ๑ นาที จนเข้ากันดี
๑๑. ตักใส่พิมพ์เค้ก ๓ ปอนด์ ที่ทาเนยและกรุกระดาไข
๑๒. นำเข้าเตาอบ ๓๐ - ๓๕ นาที
๑๓. เมื่อสุกนำเค้กที่ได้ พักบนตะแกรงจนเย็น
๑๔. นำคัสตาร์ดที่มีใส่ในถุงบีบเตรียมไว้ บีบเป็นไส้กลาง
๑๕. เมื่อเค้กเย็นหั่นแบ่งเค้กออกเป็น ๒ ชั้น ให้มีความหนาเท่าๆกัน
๑๖. นำเนื้อเค้กชั้นที่ ๑ มาวางลงบนที่หมุนเค้ก
๑๗. บีบครีมคัสตาร์ดให้ทั่วเนื้อเค้ก วางทับด้วยเนื้อเค้กอีกชั้น
๑๘. ตีวิปปิ้งครีม และกะทิ รวมกันจนฟูตั้งยอด
๑๙. นำครีมที่ได้มาปาดโดยรอบให้คลุมเนื้อเค้ก
๒๐. ตกแต่งด้วยไวท์ช็อคโกแลต หรือตกแต่งตามชอบ
อาชีพทํารายได้ดี อาชีพทําเงิน ที่น่าสนใจ ทำเค้กใบเตย #Pandan Cake
วิธีการทำเค้กใบเตยสำหรับ ๒ ปอนด์
เวลาที่ใช้ : ใช้เวลาประมาณ ๑ ชั่วโมง ๓๐ นาที
ส่วนผสม วัตถุดิบ
๑.ใบเตย ๑๐ ใบ
๒.น้ำเปล่า ๕๐ มล.
๓.น้ำตาลทราย ๗๐ กรัม
๔.ไข่ไก่ ๓ ฟอง
๕.โอวาเล็ต ๑ ช้อนโต๊ะ
๖.กลิ่นวนิลา ๑ ช้อนชา
๗.แป้งเค้ก ๙๐ กรัม
๘.ผงฟู ๑/๒ ช้อนชา
๙.กะทิ ๕๐ มล.
ส่วนผสม วัตถุดิบสำหรับ ครีมคัสตาร์ด
๑.วิปปิ้งครีม ๒๒๕ มล.
๒.กะทิ ๔๕ มล.
เครื่องมือและอุปกรณ์ในการทำ
๑.ที่ร่อนแป้ง
๒.พิมพ์เค้ก
๓ ปอนด์๓.หัวบีบแต่งหน้าเค้ก
๔.ถุงบีบเค้ก
๕.มีด
๖.เครื่องตีไข่
๗.พายยาง
๘.ที่ปาดหน้าเค้ก
ต่อมาก็จะเป็นวิธีการและขั้นตอนในการทำเริ่มจาก
๑. อุ่นเตาที่อุณหภูมิ ๑๗๕ องศาเซลเซียส
๒. ทุบใบเตยเพื่อเอาน้ำและสีเขียวของใบเตย
๓. บีบผสมลงฝนน้ำเปล่าจะได้น้ำใบเตยสีเขียว
๔. ใส่กะทิลงไปผสม แล้วพักไว้
๕. ร่อนแป้ง และ ผงฟูรวมกัน
๖. ใส่น้ำตาลทรายไข่ไก่และกลิ่นวนิลาใช้พายยางผสมจนทั้งหมดเข้ากันดี
๗. ใส่โอวาเล็ท
๘. ตีด้วยเครื่องตีหัวตะกร้อ ความเร็วสูง ๔-๕นาที
๙. ใส่น้ำใบเตยกะทิที่ทำเสร็จไว้แล้วลงในเครื่องตี
๑๐. ตีต่อด้วยความเร็ว ถึงช้า ๑ นาที จนเข้ากันดี
๑๑. ตักใส่พิมพ์เค้ก ๓ ปอนด์ ที่ทาเนยและกรุกระดาไข
๑๒. นำเข้าเตาอบ ๓๐ - ๓๕ นาที
๑๓. เมื่อสุกนำเค้กที่ได้ พักบนตะแกรงจนเย็น
๑๔. นำคัสตาร์ดที่มีใส่ในถุงบีบเตรียมไว้ บีบเป็นไส้กลาง
๑๕. เมื่อเค้กเย็นหั่นแบ่งเค้กออกเป็น ๒ ชั้น ให้มีความหนาเท่าๆกัน
๑๖. นำเนื้อเค้กชั้นที่ ๑ มาวางลงบนที่หมุนเค้ก
๑๗. บีบครีมคัสตาร์ดให้ทั่วเนื้อเค้ก วางทับด้วยเนื้อเค้กอีกชั้น
๑๘. ตีวิปปิ้งครีม และกะทิ รวมกันจนฟูตั้งยอด
๑๙. นำครีมที่ได้มาปาดโดยรอบให้คลุมเนื้อเค้ก
๒๐. ตกแต่งด้วยไวท์ช็อคโกแลต หรือตกแต่งตามชอบ
อาชีพทํารายได้ดี อาชีพทําเงิน ที่น่าสนใจ ทำเค้กใบเตย #Pandan Cake
ขอบคุณข้อมูลจาก foodtravel.tv
ขอบคุณข้อมูลจาก foodtravel.tv
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น